ความเชื่อผิดๆของการออกกำลังกาย

หลายคนที่กำลังเริ่มดูแลรูปร่างตัวเอง ตอนนี้ก็คงจะทั้งวางแผนการทาน และ การออกกำลังกายในแต่ละวัน

ซึ่งหลายๆคนก็อาจจะยังมีความเชื่อเกี่ยวกับการออกกำลังกายที่ผิด ที่บอกต่อๆกันมาจนเรานำมาใช้ไม่รู้ตัว

วันนี้มาดูกันว่ามีอะไรบ้างหลักๆกันค่ะ

1. สำหรับ เวทเทรนนิ่ง ต้องยกหนักจนปวดเมื่อยเท่านั้นถึงจะได้ผล

หลายคนมักเข้าใจผิดว่าการออกกำลังกายจะเห็นผลก็ต่อเมื่อ ใช้น้ำหนักที่เยอะจนร่างกายรู้สึกปวดเมื่อยไปทั้งตัวหลังการออกกำลังกายเท่านั้นถึงจะได้ผล

แต่ที่จริงแล้วความคิดนั้นผิดถนัด เพราะคุณไม่จำเป็นต้องหักโหมขนาดนั้นเพื่อให้การออกกำลังกายได้ผลเสมอไปหรอก เพราะบางทีการใช้น้ำหนักที่มากจนเกินไปที่ร่างกายเราสามารถยกได้ ก็อาจจะส่งผลต่ออาการบาดเจ็บและอาจจะต้องพักการออกกำลังกายไปนานเลยก็เป็นได้

2. ทานน้อยลงทั้งที่ไม่จำเป็น

หลายๆคนเข้าใจผิดว่าเมื่อเราออกกำลังกายแล้วต้องลดปริมาณการทานอาหารแบบรับแคลอรีให้น้อยที่สุด จึงจะได้ผลเร็วที่สุดตามมา

ซึ่งความจริงวิธีนี้กลับส่งผลเสียต่อร่างกายมากมายหลายอย่าง เพราะจะทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ จนรู้สึกเฉื่อยชา สมองทำงานช้าลง และไม่กระฉับกระเฉงอย่างเคย และที่สำคัญคือทำให้การออกกำลังกายไม่ได้ผล

เพราะฉะนั้นถ้าอยากลดการทานจริงๆ เราควรจะมาวางตารางการทานอาหารในแต่ละวัน และที่สำคัญควรกินให้ครบทุกมื้อ เพื่อให้ร่างกายกระตุ้นการเผาผลาญได้ตลอดวัน

3. ให้ความสำคัญกับอุปกรณ์ต่าง ๆ มากเกินไป

หลายคนเลือกที่จะไปออกกำลังกายตามฟิตเนส เพราะเชื่อว่าเครื่องไม้เครื่องมือที่ครบครัน จะช่วยให้การออกกำลังกายได้ผลดีขึ้นตามไปด้วย

แต่ที่จริงแล้วมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ที่คุณใช้หรอก แต่ขึ้นอยู่ท่าทางในการออก และน้ำหนักที่เราใช้มากกว่า

ขนาดนักเพาะกายที่กล้ามใหญ่ๆก็ใช้การออกกำลังกายแบบฟรีเวทที่มีอุปกรณ์การใช้ในแต่ละท่าไม่มากนักก็ยังสามารถสร้างรูปร่างได้ตามที่เค้าต้องการ

และข้อสำคัญอีกอย่างนั่นก็คือ ความมุ่งมั่นตั้งใจออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอทุกวันแล้ว ต่อให้ไม่ต้องพึ่งอุปกรณ์หรือเทรนเนอร์ เพราะถ้าเราสร้างข้อจำกัดว่าอุปกรณ์ไม่ครบจึงไม่ออก ถ้าคิดแบบนี้เมื่อไหร่หุ่นในฝันคงอีกนานแน่นอน

4. เลือกออกกำลังเฉพาะที่

เพื่อนๆหลายคนก็คงมีส่วนเกินที่เป็นปัญหาใหญ่สำหรับเราที่อยากให้เจ้าส่วนนี้มันลดได้ก่อนส่วนอื่นๆ เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการใช้ชีวิตหรือใส่เสื้อผ้าสวยๆ และทำรูปร่างกลับมาดูดีได้อีกครั้ง

แต่ขอแนะนำว่าคุณควรออกกำลังกายด้วยท่าที่ช่วยลดน้ำหนักทั้งตัว หรือบริหารร่างกายให้ครบทุกส่วนน่าจะได้ผลดีกว่า เพราะจะทำให้การลดน้ำหนักเป็นไปได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น และทำให้รูปร่างดูสมส่วนมากกว่าด้วย

ที่สำคัญไขมันจะลดตรงไหนเร็วหรือช้า มันก็ขึ้นกับว่าร่างกายของเรามีไขมัน กับ กล้ามเนื้อในส่วนนั้นๆ มากหรือน้อยด้วยเช่นกัน

5. ออกกำลังทั้ง ๆ ที่ท้องว่าง

ใครที่รู้ตัวว่าชอบไปออกกำลังกายทั้ง ๆ ที่ท้องว่าง โดยไม่ยอมหาอะไรทานรองท้องสักเล็กน้อยก่อนออกกำลังกาย เพราะเชื่อว่าจะเป็นการลดน้ำหนักที่ได้ผลดีขึ้นล่ะก็ รู้ไว้เลยว่าคุณกำลังใช้วิธีผิด ๆ โดยไม่รู้ตัว

เพราะถ้าหากจะออกกำลังกายให้ได้ผล ร่างกายก็จำเป็นต้องมีน้ำตาลกลูโคลสและได้รับสารอาหารบางชนิดในปริมาณที่พอเหมาะด้วย เนื่องจากร่างกายต้องใช้พลังงานในการออกกำลัง

ดังนั้นอย่าลืมหาอาหารทานแบบเบาๆ ที่เป็นคาร์บโบไฮเดรต เช่น กล้วย , ธัญพืชชนิดแท่ง หรือจะให้ดีทานเป็นโปรตีนเชค โดยทานก่อนออกกำลังกายสัก 30-40 นาที

-------------------------------

คราวนี้เมื่อรู้ว่าสิ่งไหนเป็นความเข้าใจแบบผิดๆ เราก็มาปรับเปลี่ยนเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีต่อรูปร่างของเพื่อนๆกันนะคะ

‪#‎โปรแกรมฟิตหุ่น‬ ‪#‎หุ่นดีจากที่บ้าน‬ ขอข้อมูลเพิ่มเติมทัก โค้ชยุ้ย ได้ที่ Line ID : Coach.Yui เลยจ้า